ลิเวอร์พูลในยุค “สล็อต” เสียทรงเร็ว — แชมป์เก่าที่โดนเจาะถึง 17 ประตูใน 11 เกมแรก
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทำสถิติไม่น่าจดจำอีกครั้งในฐานะแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก หลังเกมบุกพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 กลายเป็นทีมแชมป์เก่าที่เสียประตูมากที่สุดใน 11 นัดแรกของฤดูกาล
ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่อ สล็อต ยังคงเจอกับปัญหาในช่วงเริ่มต้นยุคใหม่ เมื่อทีมต้องบุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 และทำให้ “หงส์แดง” เสียประตูรวมถึง 17 ลูกจาก 11 นัดแรก ซึ่งถือเป็นตัวเลขมากที่สุดของทีมแชมป์เก่าในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกหลังผ่านจุดนี้ของฤดูกาล
ปัญหาหลักที่เห็นชัดคือแนวรับที่ยังไม่เข้าที่กับระบบของกุนซือชาวดัตช์ แม้สล็อตจะพยายามนำแนวทางฟุตบอลเชิงรุกแบบครองบอลและเพรสซิ่งสูงมาใช้ แต่กลับทำให้แนวรับของทีมเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งโจมตีได้ง่าย โดยเฉพาะในจังหวะเปลี่ยนจากรุกเป็นรับ เกมกับแมนฯ ซิตี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ระบบเพรสซิ่ง” ยังไม่สมบูรณ์ และคู่แข่งระดับสูงสามารถใช้ความเร็วและความเฉียบคมเล่นงานได้ตลอด
ในแง่แท็กติก สล็อตเลือกให้แบ็กทั้งสองฝั่งเติมเกมพร้อมกัน ซึ่งส่งผลให้คู่เซนเตอร์ต้องรับภาระหนักเมื่อต้องเผชิญการสวนกลับ ความผิดพลาดในจังหวะยืนตำแหน่งและการป้องกันพื้นที่ว่างด้านข้างเป็นสิ่งที่คู่แข่งมองออกและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในแดนกลางที่ไม่มีตัวตัดเกมโดยธรรมชาติอย่าง ฟาบินโญ่ ทำให้ลิเวอร์พูลขาดความแข็งแกร่งตรงกลางสนาม เมื่อแนวรับต้องเผชิญการบุกแบบตรง ๆ ทีมจึงมักเสียจังหวะป้องกันในจุดอันตราย
แม้เพิ่งเข้าสู่ช่วงต้นฤดูกาล แต่ตัวเลขการเสีย 17 ประตูถือเป็นสัญญาณเตือนว่า ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถหาความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับได้อย่างแท้จริง เมื่อย้อนกลับไปในฤดูกาล 2020/21 ซึ่งพวกเขาก็เคยเสียเท่ากันหลังผ่าน 11 นัดและจบเพียงอันดับ 3 นั่นอาจเป็นภาพสะท้อนว่าหากไม่เร่งแก้ไขจุดอ่อน ทีมอาจต้องเจอกับเส้นทางลุ้นแชมป์ที่ยากลำบากอีกครั้ง

สิ่งที่สล็อตต้องทำในตอนนี้คือการคืนเสถียรภาพให้แนวรับ พร้อมปรับแท็กติกให้เข้ากับศักยภาพของผู้เล่นมากกว่าการพยายามยัดระบบใหม่โดยไม่คำนึงถึงสมดุลของทีม หากสามารถจูนจังหวะเพรสซิ่งให้แม่นยำขึ้น และทำให้แนวหลังมีระเบียบมากกว่าเดิม ลิเวอร์พูลก็ยังมีศักยภาพพอจะกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้ในระยะยาว
ในภาพรวม ลิเวอร์พูลยุคใหม่กำลังเผชิญช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องใช้เวลา ระบบการเล่นของสล็อตมีแนวคิดที่ชัดเจนแต่ยังขาดความแน่นอนในรายละเอียด โดยเฉพาะเกมรับที่เคยเป็นรากฐานความสำเร็จในยุคคล็อปป์ หากไม่เร่งคืนความแข็งแกร่งในแดนหลัง “หงส์แดง” อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คิดกว่าจะกลับมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างแท้จริง