แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียม “โละ 5 แข้งดัง” หาทุน 100 ล้านปอนด์ เสริมทัพใหญ่ล่าดาวรุ่งอนาคตไกล
สื่ออังกฤษรายงานว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และกลุ่มทุน Ineos กำลังวางแผนครั้งสำคัญในตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนปี 2026 โดยมีเป้าหมายระดมทุนกว่า 100 ล้านปอนด์ ผ่านการขายนักเตะส่วนเกินออกจากทีม เพื่อใช้เสริมผู้เล่นใหม่ที่เหมาะสมกับแผนระยะยาวของสโมสร
ตามรายงาน แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งเป้าใช้เงินจำนวนนี้ในการล่าตัว เอลเลียต แอนเดอร์สัน มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 ปีของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีก แอนเดอร์สันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์สูงที่สุดของรุ่น และมีศักยภาพจะพัฒนาเป็นกองกลางระดับแถวหน้าในอนาคต
เพื่อให้ดีลนี้เป็นไปได้ สโมสรจำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นบางรายออกไป และรายชื่อที่ถูกคาดว่าจะอยู่ในโผขายออกมีถึง 5 คน ได้แก่
-
มาร์คัส แรชฟอร์ด – แม้เป็นเด็กปั้นของสโมสร แต่ฟอร์มในฤดูกาลนี้ตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีข่าวว่าอาจย้ายทีมด้วยค่าตัวราว 60 ล้านปอนด์ หากมีข้อเสนอจากต่างประเทศ
-
เจดอน ซานโช่ – สถานะในทีมแทบไม่มี หลังความสัมพันธ์กับผู้จัดการทีมยังไม่ฟื้นตัว การขายออกถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย
-
อ็องเดร โอนาน่า – ผู้รักษาประตูทีมชาติแคเมอรูนที่ถูกวิจารณ์เรื่องความผิดพลาดบ่อยครั้ง แม้ยังมีฝีมือ แต่การขายเขาอาจช่วยลดภาระค่าเหนื่อยและระดมทุนได้อีกก้อน
-
ราสมุส ฮอยลุนด์ – มีข่าวว่าอาจถูกปล่อยให้ นาโปลี ยืมตัวพร้อมออปชั่นซื้อขาด เพื่อเปิดทางให้ทีมเสริมกองหน้าประสบการณ์สูง
-
ค็อบบี้ เมนู – ดาวรุ่งวัย 19 ปีที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนได้รับความสนใจจากหลายสโมสร แม้สโมสรอยากเก็บไว้ แต่หากมีข้อเสนอระดับ 45 ล้านปอนด์ขึ้นไป อาจพิจารณาขายเพื่อเสริมทีมในตำแหน่งอื่น
แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ยุทธศาสตร์ใหม่” ภายใต้การบริหารของ INEOS ที่ต้องการให้แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาเป็นสโมสรที่บริหารการเงินอย่างยั่งยืนและมีโครงสร้างทีมที่เหมาะสมกับฟุตบอลยุคใหม่ หลังจากทศวรรษแห่งความผิดพลาดในการซื้อนักเตะค่าตัวแพงแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น ดีลของ ปอล ป็อกบา, แฮร์รี แม็กไกวร์ และ โรเมลู ลูกากู

แหล่งข่าวภายในเผยว่า เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ต้องการให้ยูไนเต็ด “ปลดล็อกทีมจากภาระเดิม” ด้วยการลดค่าใช้จ่ายของนักเตะที่ไม่อยู่ในแผน และเปลี่ยนแนวทางจากการซื้อนักเตะชื่อดัง มาเป็นการลงทุนในผู้เล่นอายุน้อยที่เข้ากับระบบการเล่นของโค้ชและมีศักยภาพขายต่อในอนาคต
ในเชิงแท็กติก หากยูไนเต็ดได้ตัวเอลเลียต แอนเดอร์สันเข้ามาจริง จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในแดนกลาง โดยเฉพาะตำแหน่งมิดฟิลด์ “บ็อกซ์ทูบ็อกซ์” ที่ทีมขาดมานาน เขามีสไตล์คล้ายกับ จู๊ด เบลลิงแฮม คือพาบอลขึ้นหน้าได้ดีและช่วยเกมรับได้ด้วย ทำให้ถือเป็นเป้าหมายที่สโมสรให้ความสนใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขายนักเตะอย่างแรชฟอร์ดหรือเมนู อาจสร้างเสียงคัดค้านจากแฟนบอล เพราะทั้งคู่เป็นผลผลิตจากอะคาเดมีของสโมสร แต่ในอีกมุมหนึ่ง การปรับโครงสร้างทีมครั้งนี้สะท้อนความจริงจังของผู้บริหารชุดใหม่ที่ต้องการผลลัพธ์ในสนามมากกว่าชื่อเสียง
โดยรวมแล้ว แผนการปล่อย 5 แข้งดังครั้งนี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากทีมที่เคยใช้เงินมหาศาลแบบไร้ทิศทาง สู่การบริหารแบบยั่งยืนและมีวิสัยทัศน์ระยะยาว การตัดสินใจครั้งนี้อาจถูกวิจารณ์ในช่วงแรก แต่หากทำได้สำเร็จ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่แฟนบอลรอคอย